ดวงจันทร์ของโลก ดวงจันทร์ (The Moon) เป็นบริวารดวงเดียวของโลกและมีขนาดเล็กกว่าโลกมาก หลังจากการก่อตัวของระบบสุริยะ ดวงจันทร์เย็นตัวอย่างรวดเร็วจนโครงสร้างภายในกลายเป็นของแข็งทั้งหมดจึงไม่มีสนามแม่เหล็ก ดวงจันทร์มีมวลน้อยจึงมีแรงโน้มถ่วงน้อยจนไม่สามารถดึงดูดบรรยากาศไว้ได้ การที่ไม่มีชั้นบรรยากาศห่อหุ้มอยู่เลย ทำให้อุกกาบาตพุ่งชนพื้นผิวโดยอิสระไร้แรงเสียดทาน พื้นผิวของดวงจันทร์จึงปกคลุมไปด้วยฝุ่นผงและกรวดอุกกาบาต เมื่อมองดูจากโลกเรามองเห็นพื้นที่สีคล้ำบนดวงจันทร์เป็นรูปกระต่าย คนสมัยก่อนเข้าใจว่า บริเวณนั้นเป็นทะเลบนดวงจันทร์ แต่ปัจจุบันเป็นที่ทราบดีกันแล้วว่าบนดวงจันทร์ไม่มีน้ำ พื้นที่แอ่งสีคล้ำบนดวงจันทร์เกิดขึ้นจากการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่ในยุคแรกของระบบสุริยะ ทำให้พื้นผิวของดวงจันทร์ทะลุจนแมกมาซึ่งอยู่ข้างใต้ไหลขึ้นมาแข็งตัวเป็นหินบะซอลต์ ในยุคหลังๆ อุกกาบาตได้พุ่งชนและหลอมรวมกับดาวเคราะห์และดวงจันทร์ต่างๆ ของระบบสุริยะจนหมดแล้ว เหลือแต่อุกกาบาตขนาดจิ๋วซึ่งยังคงกระหน่ำชนพื้นผิวดวงจันทร์อยู่ตลอดเวลา
ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลก เนื่องจากปฏิสัมพันธ์ของแรงไทดัลของโลกและดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองใช้เวลาเท่ากับที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก ด้านตรงข้ามที่หันออกจากโลก (Far side of the Moon) จึงเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่เพราะดวงจันทร์ทำหน้าที่ปกป้องโลกไปในตัว และแม้ว่าดวงจันทร์จะมีขนาดเล็กกว่าโลกมากแต่ดวงจันทร์ก็มีอิทธิพลกับโลกมาก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น ข้างขึ้นข้างแรม น้ำขึ้นน้ำลง สุริยุปราคา จันทรุปราคา นักวิทยาศาสตร์พบว่า ดวงจันทร์กำลังเคลื่อนที่ช้าลงและห่างจากโลกมากขึ้น
ปี พ.ศ.2502 สหภาพโซเวียต (รัสเซีย) ได้ส่ง ลูนา 2 ยานอวกาศลำแรกลงไปสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์ สิบปีต่อมาในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2512 สหรัฐอเมริกาได้ส่ง อะพอลโล 11 ยานอวกาศลำแรกที่พามนุษย์คือ นีล อาร์มสตรอง และ เอ็ดวิน อัลดริน ไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์และนำหินบนดวงจันทร์กลับมาตรวจสอบพบว่ามีอายุถึง 3,000 – 4,600 ล้านปี ซึ่งเก่าแก่กว่าหินบนพื้นโลก นับเป็นหลักฐานที่สำคัญเกี่ยวกับการเกิดของระบบสุริยะในยุคเริ่มแรก ยานอวกาศรุ่นใหม่ที่ส่งไปสำรวจดวงจันทร์ ได้แก่ คลีเมนไทน์ และ ลูนาร์โพรสเปคเตอร์ ให้ข้อมูลที่บ่งบอกว่า อาจมีน้ำแข็งอยู่ที่ก้นหลุมอุกกาบาตที่บริเวณขั้วของดวงจันทร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่แสงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึง อย่างไรก็ตาม จากการบังคับยานลูนาร์โพรสเปคเตอร์ให้พุ่งชนดวงจันทร์ไม่ตรวจพบว่ามีเศษน้ำแข็งกระเด็นออกมา
คำอธิบายภาพ ดวงจันทร์ของโลก
- ดวงจันทร์ของโลก พื้นที่สีคล้ำเกิดจากการแมกมาไหลออกมาปกคลุมก้นหลุมอุกกาบาต รอยแตกกระจายเบื้องล่างเกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนทำให้เกิดหลุมไทโค ภายหลังที่โครงสร้างภายในของดวงจันทร์แข็งตัวหมดแล้ว
- นักบินอวกาศ ชาลส์ คอนราด จากยานอะพอลโล 12 ถ่ายรูปกับยานเซอเวเยอร์ 3 ซึ่งถูส่งลงมาสำรวจล่วงหน้าก่อนสองปี
- รอยเท้าของ นีล อาร์มสตรอง มนุษย์คนแรกที่เหยียบดวงจันทร์
- เทคนิคภาพสี False color ทำให้มองเห็นสภาพตะกอนพื้นผิวที่แตกต่างกัน
- ภาพวาดแสดงให้เห็นการสำรวจถ้ำลาวาบนดวงจันทร์
- นักบินอวกาศยานอะพอลโล 8 มองเห็นโลกขึ้นจากดวงจันทร์
- บริเวณหลุมโคเปอร์นิคัส เป็นพื้นที่ๆ มีอายุน้อยที่สุดบนดวงจันทร์
ข้อมูลสำคัญ
- ระยะทางเฉลี่ยจากโลก 384,400 กิโลเมตร
- คาบวงโคจรรอบโลก 27.32 วัน
- ความรีของวงโคจร 0.054
- ระนาบวงโคจรทำมุมกับระนาบสุริยวิถี 5.145°
- แกนเอียง 6.68°
- หมุนรอบตัวเองใช้เวลา 27.32 ชั่วโมง
- รัศมี 1,737 กิโลเมตร
- มวล 0.0123 ของโลก
- ความหนาแน่น 3.341 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
- แรงโน้มถ่วง 0.166 เท่าของโลก
- ไม่มีบรรยากาศ และยังไม่ตรวจพบน้ำ
- อุณหภูมิ -233°C 123°C ดวงจันทร์ของโลก