พื้นผิวดวงจันทร์ เชื่อว่าเราต่างก็เคยมองบนท้องฟ้ายามค่ำคืนกันทั้งนั้น แล้วมองเห็นดวงจันทร์ที่สว่างไสวนั้นไหม หลายคนคงอาจจะเคลิบเคลิ้มไปกับความสวยงาม และคงคิดว่าดวงจันทร์นั้นคงกลมสวยงามเรียบเนียนอย่างที่เรามองเห็นเมื่อมองจากโลก แต่รู้หรือไม่ว่าดวงจันทร์ที่ส่องสว่างบนท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นที่เรามองเห็นผิวของดวงจันทร์เรียบเนียนนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเรามองเห็น แต่กลับเต็มไปด้วยหลุมขรุขระมากมาย ซึ่งบทความนี้จะพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักดวงจันทร์พร้อมทั้งหาข้อเท็จจริงของพื้นผิวของดวงจันทร์กัน
พื้นผิวดวงจันทร์ ทำความรู้จักดวงจันทร์กันก่อน
พื้นผิวดวงจันทร์ ในทางดาราศาสตร์ นิยามว่าดวงจันทร์เป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์ และเป็นดาราศาสตร์วัตถุที่โคจรรอบโลก ซึ่งเป็นดาวบริวารดวงเดียวของโลกก็ว่าได้ อยู่ห่างจากโลกประมาณ 384,403 กิโลเมตร ในอดีตชาวโรมันเรียกดวงจันทร์ว่า Luna ส่วนชาวกรีกเรียกดวงจันทร์ว่า Selene หรือ Artemis ดวงจันทร์นั้นเป็นที่รู้จักตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นวัตถุที่ส่องแสงสว่างมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากดวงอาทิตย์ อีกทั้งยังเป็นที่หลงใหลของมนุษยชาติมาโดยตลอด
พื้นพิวของดวงจันทร์เป็นอย่างไร
เนื่องจากบนดวงจันทร์นั้นไม่มีอากาศ ไม่มีน้ำ และไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ พื้นผิวของดวงจันทร์ส่วนใหญ่ปกคลุมเต็มไปด้วยฝุ่นผงละเอียดและเศษหินชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซากหินที่เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนและแตกออกจากแรงกระแทกของอุกกาบาต และยังมีภูเขาสูง หลุมอุกกาบาต และหุบเหวลึกมากมายทั่วบริเวณพื้นผิวของดวงจันทร์ พื้นผิวดวงจันทร์มีลักษณะสำคัญที่แตกต่างกัน 2 รูปแบบ แบบแรกเป็นพื้นที่สูงขรุขระมีอายุเก่าแก่ ส่วนแบบที่สองมีลักษณะเป็นพื้นที่ต่ำค่อนข้างราบเรียบมีอายุไม่นานนัก แบบที่สองนี้นิยมเรียกกันว่า “ทะเลบนดวงจันทร์” หรือ “Maria” ในสมัยก่อนเป็นเรื่องที่น่าสงสัยกันอยู่ไม่น้อยสำหรับนักดาราศาสตร์ที่ว่าบนดวงจันทร์จะมีทะเลได้อย่างไร แต่ในเวลาต่อมาเมื่อการศึกษาและวิจัยได้กระจ่างชัดก็ทำให้ทราบว่า “ทะเลบนดวงจันทร์” เป็นพื้นที่ที่ถูกลาวาจากภายในตัวดวงจันทร์เอ่อขึ้นมากลบ ก่อนจะเย็นตัวและแข็งตัวเป็นพื้นที่ราบนั่นเอง
ที่มาของผิวขรุขระบนดวงจันทร์
ผิวของดวงจันทร์ในอดีตที่ผ่านมาถูกชนด้วย อุกกาบาตเป็นจำนวนมาก ทำให้หินที่เป็นเปลือกมีการผสม หลอมและตกจมลงสู่ภายในดวงจันทร์ อุบาบาตที่วิ่งชนดวงจันทร์ได้พาเอาหินแปลกปลอมมากระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นผิว การชนของอุกกาบาตยังทำให้หินที่อยู่ในระดับลึก โผล่ขึ้นมาบนพื้นผิวของดวงจันทร์ทำให้เศษหินเหล่านี้กระจายไกลออกไปจากแหล่งกำเนิด เปลือกที่บาง และมีรอยแตกเป็นช่องทางให้ลาวาที่อยู่ภายในดวงจันทร์แทรกตัวขึ้นมาบนพื้นผิวของดวงจันทร์ การที่ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศและน้ำ จึงไม่มีกระบวนการผุพังทางเคมีกับส่วนประกอบทั้งหลายที่อยู่บนพื้นผิว ดังนั้นหินซึ่งมีอายุกว่า 4 พันล้านปีจึงยังพบอยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้เข้าใจถึงประวัติในช่วงแรกของระบบสุริยะ ซึ่งไม่สามารถหาหลักฐานเหล่านี้ได้จากบนพื้นโลก กระบวนการทางธรณีวิทยาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีเฉพาะการชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ทำให้เกิด regolith เท่านั้น
นอกจากนี้ อีกสาเหตุที่ทำให้พื้นผิวบนดวงจันทร์นั้นขรุขระ ยังมีที่มาจากสาเหตุที่ดวงจันทร์ไม่มีทั้งสนามแม่เหล็กและบรรยากาศ เพื่อปกป้องลมสุริยะจากดวงอาทิตย์ได้ ลมจากดวงอาทิตย์จึงพัดกระหน่ำทำลายพื้นผิวของดวงจันทร์ตลอดอายุ 4,000 ล้านปี ได้โดยตรง ดังนั้นจึงทำให้พื้นผิวของดวงจันทร์ได้รับผลกระทบจากลมสุริยะ ทั้งไฮโดรเจนไอออนซึ่งมากับลมสุริยะจะไปสะสมตัวอยู่ใน regolith ที่อยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ เลยทำให้พื้นผิวของดวงจันทร์นั้นขรุขระนั่นเอง
แหล่งที่มา
- Craig Freudenrich, Ph.D.. What’s on the surface of the moon?. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2562, จาก https://science.howstuffworks.com/moon1.htm
- ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์. ดวงจันทร์. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2562, จาก http://www.lesa.biz/astronomy/solar-system/planets/earth/moon
- Adisak Mahawan. (2017, 14 May) ดวงจันทร์ : The Moon. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2562, จาก https://sites.google.com/a/web1.dara.ac.th/daraastro-solarsystem/daw-kheraah/lok/dwng-canthr พื้นผิวดวงจันทร์